จากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 3 มกราคม 2020 กองกำลังสหรัฐซึ่งนำด้วย “ โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิปดีของสหรัฐอเมริกา ได้มีคำสั่งปฏิบัติการทางทหารเพื่อลอบสังหาร “พลตรี คัสเซม โซไลมานี” ผู้บัญชาการกองกำลังคุดส์ของหน่วย ปฏิบัติการพิเศษของกองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามโดยใช้อากาศยานไร้คนขับ (Drone Strike) บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติกรุงแบกแดด ประเทศอิรัก ทำให้ชนวนแห่งความขัดแย้งได้ก่อตัวรุนแรงขึ้นอีกครั้งในรอบหลายสิบปี หลังจากคนอิหร่านได้จับชาวอเมริกัน 52 คนเป็นตัวประกันเมื่อปี 1979
ภายหลังจากเกิดเหตุดังกล่าว ราคาน้ำมันดิบ (Brent) พุ่งทะยานขึ้นไปถึง 4 เปอร์เซนต์ ไปอยู่ที่ 69.50 ดอลลาร์สหรัฐฯ (2,095 บาท) และราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวขึ้นเหนือระดับ 1,600 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งสวนทางกับหุ้นทั่วโลก
คัสเซม โซไลมานี มีความสำคัญอย่างไร ?
พลตรีโซไลมานี เป็นผู้ทรงอิทธิพลที่สุดรองจาก อยาตอลเลาะห์ อาลี คาเมเนอี ผู้นำสูงสุดอิหร่านและมีความใกล้ชิดกัน โซไลมานีได้เริ่มเติบโตจากการเป็นทหารในระหว่างที่มีสงคราม อิหร่าน-อิรัก เมื่อต้นทศวรรษ 1980 โดยต่อสู้กับซัดดัม ฮุสเซน และช่วยเหลือกลุ่มชาวเคิร์ดกับกลุ่มมุสลิมชีอะห์ เป็นคนที่ทำให้อิหร่านมีอิทธิพลมากในฝั่งตะวันออกกลาง ไซโลมานีทำงานอยู่เบื้องหลังการปฏิบัติการจนได้รับฉายาว่า “ผู้บัญชาการ ในเงามืด” เป็นบุคคลที่มีความสำคัญทางการทหารของอิหร่าน สำหรับโลกมุสลิมแล้ว ไซโลมานีได้ถูกยกย่องเป็น “วีรบุรุษ” สงคราม
ในทางกลับกันในฝั่งสหรัฐอเมริกา กล่าวว่าไซโลมานีได้ให้การส่งเสริมการก่อการร้ายเพื่อสร้างปัญหาให้พันธมิตรของสหรัฐ เช่น ซาอุดีอาระเบีย หรือ อิสราเอล อีกทั้งพยายามขยายอธิพลของอิหร่านด้วยการทำภารกิจลับ พัฒนาอาวุธ หาอาวุธ และติดอาวุธให้กับกลุ่มหัวรุนแรงที่เป็นเครือข่ายของอิหร่าน เช่น กลุ่มมุสลิมชีอะห์ กลุ่มชาวเคิร์ด หรือแม้กระทั่งกลุ่มฮามาสในปาเลสไตน์ และอยู่เบื้องหลังการโจมตีกองทัพสหรัฐอเมริกาหลายครั้ง ทำให้มีผู้เกี่ยวข้องล้มตายอย่างมากมาย
สถานการณ์อาจยืดเยื้อ เนื่องจากอิหร่านถูกเรียกว่าเป็นศาสนรัฐซึ่งนักปกครองเป็นเสมือนผู้นำทางศาสนาเช่นกัน เและประเทศขับเคลื่อนได้ด้วยศาสนาซึ่งเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนส่วนใหญ่ การตายของโซไลมานีจึงไม่เพียงแต่เป็นเรื่องการเมือง แต่มันพัวพันไปถึงศาสนาด้วย เหตุนี้จึงทำให้สถานการณ์ทวีความรุนแรง มีการชักธงแดงขึ้นสู่ยอดเสาหลังคาสุเหร่าในรอบ 1,000 ปี แสดงออกเชิงสัญลักษณ์ว่าจะมีการโต้ตอบกลับไปอย่างสมน้ำสมเนื้อ
เหตุการณ์จะบานปลายไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 หรือไม่ ?
สหรัฐอเมริกาได้ถอนตัวจากการทำข้อตกลงนิวเคลียร์กับอิหร่านที่ทำไว้ร่วมกับชาติมหาอำนาจอื่น ๆ เมื่อเดือน พ.ค. ปี 2018 และกล่าวหาว่าอิหร่านได้สนับสนุนการก่อการร้าย อย่างไรก็ตามเมื่อสัญญาได้ถูกยกเลิกไป อิหร่านจึงมีสิทธิที่จะผลิตและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์พร้อมใช้ได้ภายในสองปี โดยเพิ่มกำลังการผลิตแร่ยูเรเนียมให้มากขึ้น เพราะอิหร่านมีทรัพยากรที่เพียงพอ และความทะเยอทะยานนั้นยังคงมีอยู่
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ปัญหาในประเทศอิหร่านนั้นมีหลากหลาย ทั้งเศรษฐกิจ และสังคม โดยเฉพาะเรื่องปากท้องของประชาชนที่รัฐบาลไม่สามารถทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้นได้เพราะการถูกคว่ำบาตรทางการค้าน้ำมัน เนื่องจากอิหร่านค้าน้ำมันเป็นหลักจึงทำให้กระทบระบบเศรษฐกิจโดยรวม ซ้ำร้ายทุนสำรองระหว่างประเทศก็ได้ถูกใช้ไปอยู่เรื่อย ๆ
ปี 2020 จึงเป็นปีที่ยากเย็นสำหรับอิหร่านที่จะตัดสินใจแก้ปัญหาเศรษฐกิจตกต่ำที่เป็นปัญหาเรื้อรังมานาน หรือจะเดินเครื่องพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ต่อ อย่างไรก็ตาม หากอิหร่านต้องการเดินหน้าเรื่องพัฒนาอาวุธ จะมีความเป็นไปได้ที่โครงการจะแล้วเสร็จปลายปีนี้
ผลกระทบต่อตลาดหุ้นไทยหากเกิดสงคราม ?
หากจะดูถึงเหตุการณ์ภายนอกประเทศที่ส่งผลกระทบต่อหุ้นไทย เรามาดูกันว่าตลาดหุ้นไทยในอดีตเมื่อเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันจะเป็นอย่างไร AVA ขอไล่เรียงอดีตตลาดหุ้นไทยที่ตกต่ำอย่างรุนแรงทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อเป็นการเปรียบเทียบสถานการณ์ที่แตกต่างกันในแต่ละสภาวะตลาด
คุณเห็นอะไรบ้างไหม ?
เมื่อดูจากหลาย ๆ ครั้งที่เกิดเหตุการณ์ในอดีต ปัจจัยภายนอกจะให้ผลลัพท์ที่รุนแรงไม่แพ้ภายใน เพียงแต่เหตุการณ์ที่จะทำให้ส่งผลกระทบในตลาดได้แย่ที่สุดคงหนีไม่พ้นสภาวะสงครามและวิกฤติการเงินนั่นเอง แต่สองสถานการณ์จะมีความแตกต่างกันคือ สงครามจะฟื้นตัวช้ากว่าวิกฤติการเงิน ซึ่งวิกฤติการเงินพอจบไปแล้ว ตลาดจะเปลี่ยนจากหมีเป็นกระทิงอย่างทันทีและยาวนาน ส่วนเหตุการณ์ก่อการร้ายมีผลเสียต่อตลาดหุ้นเช่นกัน แต่จะเป็นเพียงช่วงระยะเวลาสั้น ๆ เท่านั้น จากนั้นจะฟื้นตัวกลับมาได้
ถ้าหากเราจะเทียบสิ่งที่ใกล้เคียงกับสถานการณ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้คงหนีไม่พ้นสงครามอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งเป็นสงครามในตะวันออกกลางที่เคยเกิดขึ้นมาแล้ว แต่ความรุนแรงและยืดเยื้อนั้นขึ้นอยู่กับสถานการณ์และสภาวะแวดล้อมที่แตกต่างกันออกไป ทั้งนี้นานาประเทศต่างไม่เห็นด้วยกับสงครามเหมือนเมื่อก่อน เพราะผลเสียจะกระทบเป็นวงกว้างได้ แต่อย่างไรก็ตาม ก็ได้เลือกข้างและคอยดูอยู่ห่าง ๆ ผลกระทบของความเสียหายจากสงคราม จึงไม่ควรเกิดเป็นวงกว้างทั่วโลกเหมือนเมื่อก่อน จึงอาจจะทำให้ตลาดหุ้นไม่ไหลลงไปอย่างรุนแรงเหมือนในอดีต หลายฝ่ายอยากให้ทั้งสหรัฐอเมริกาและอิหร่านหาทางออกด้วยสันติวิธี เช่น การเจรจา การฑูต ฯลฯ แต่ทั้งนี้ อิหร่านคงจะยังไม่จบโดยง่ายเช่นกัน ดังนั้น สถานการณ์ความขัดแย้งทางตะวันออกกลางจึงต้องจำเป็นต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดต่อไป