Posted : 14 Aug 2020

จบลงไปกับงานสัมนาการกุศล AVA Charity Course ณ สถาบัน RISE อาคารอัมรินทร์ พลาซ่า เราได้รวบรวมเนื้อหาการลงทุนที่น่าสนใจทั้งตลาดในประเทศและนอกประเทศเพื่อให้คุณเตรียมพร้อมสำหรับการลงทุนในปี 2563 กันแล้ว ซึ่งงานกุศลในครั้งนี้ได้รับเกียรติจากวิทยากรพิเศษสองท่านได้แก่ คุณ เอิญ สุริยะฉาย เจ้าของเพจ Mr. LikeStock และ คุณกิจพณ ไพรไพศาลกิจ ผู้อำนวยการอาวุโสและนักกลยุทธ์ บล. ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) โดยร่วมกับ คุณ คงเดช เชี่ยวชาญ Head of AVA Investment School และ คุณ นิรันดร์ ประวิทย์ธนา CEO of Market Anyware โดยทาง AVA ได้สรุปสาระสำคัญในงานดังนี้

The Future of Investment โดย คุณ นิรันดร์

 ในอดีตสมัยสงครามโลก อัตราการเกิดสูงขึ้นมาก ในปี 1945 หลังจบสงครามโลกครั้งที่สอง  และปี 1980 กลุ่มคนที่เกิดมาช่วงเวลานี้คือกลุ่ม Baby Boomers ซึ่งเติบโตมาเป็นแรงงานที่ขับคลื่อนประเทศและเศรษฐกิจโลก แต่เมื่อเข้าสู่ยุคปัจจุบัน Baby Boomers ได้เปลี่ยนจากกลุ่มสร้างรายได้ให้รัฐ มาเป็นกลุ่มสร้างรายจ่าย เนื่องจากพวกเขาได้ก้าวเข้าสู่วัยเกษียณ  เช่นเดียวกับทุกประเทศที่กำลังประสบปัญหา Aging Society คืออัตราคนสูงวัยนั้นมากขึ้น ในขณะที่อัตราการเกิดของเด็กรุ่นใหม่ได้น้อยลงอย่างมาก ส่งผลทำไห้ประกันสังคมทั่วโลกซึ่งเป็นหน่วยงานสนับสนุนคนสูงวัยมีเงินไม่เพียงพอ เพราะโดยทั่วไปนั้น ประกันสังคมจะได้เงินจากเงินสมทบจากประชาชนเพื่อเอาไปลงทุนพันธบัตรรัฐบาล และหวังผลตอบแทนที่สูงกว่าเงินเฟ้อ  และมีกำไรมากพอที่จะสนับสนุนประชากรสูงวัยได้ แต่ระยะยาวรายได้จากดอกเบี้ยพันธบัตรจะน้อยลงเรื่อย ๆ เพราะประเทศทั่วโลกใช้นโยบายลดดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลต่อกำไรของเงินลงทุนของเงินของกองทุนประกันสังคมระยะยาว ทำให้เงินมีไม่เพียงพอ

กองทุนประกันสังคม และกองทุนบำนาญต่าง ๆ ทั่วโลก จำเป็นจะต้องหาแหล่งวางเงินที่ได้รับผลตอบแทนที่สูงขึ้นนอกเหนือไปจากตลาดพันธบัตร เป็นการบีบบังคับให้เหล่ากองทุนเหล่านี้จำเป็นต้องรับความเสี่ยงมากขึ้นในอนาคต

สินทรัพย์ทางเลือกในอนาคต ?

ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ทองคำ สินทรัพย์ทางเลือก และ Cryptocurrency อาจจะกลายเป็นช่องทางการลงทุนสำหรับกองทุนประกันสังคม รวมถึงแหล่งเงินกองทุนต่าง ๆ ที่จำเป็นจะต้องสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น นอกจากนี้ตลาดคอมโมดิตี้บางประเภทที่จำเป็นต่อการขับเคลื่อนเศรษฐกิจในอนาคต เช่น ลิเธียม รวมถึงธุรกิจที่อิงกับ Megatrend ใหม่ ๆ ในโลกไม่ว่าจะเป็น

  • Agricultural- บริษัทพัฒนานวัตกรรมการเกษตร
  • Livestock- บริษัทที่ผลิตพวกเนื้อเทียม หรือปลูกเนื้อสัตว์ในห้องแลป
  • Cannabis- กัญชาเป็นที่นิยมเมื่อสามสี่ปีก่อนและโตเร็วมาก และสหรัฐเพิ่งทำให้กัญชาถูกกฏหมายได้ จึงเป็นที่สนใจของธุรกิจหลายประเภท
  • Artificial Intelligence – ธุรกิจที่ลงทุนกับปัญญาประดิษฐ์

Global Re-stocking & Re-Balancing Rally โดย คุณ กิจพณ

Re-stocking และ Re-Balancing ดันหุ้นขึ้น

แม้เศรษฐกิจในประเทศจะยังดูอ่อนแอ แต่ในช่วงต้นปี 2563 (3-5 เดือนแรก) หุ้นมีแนวโน้มจะเป็นขาขึ้นจากเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัว และกิจกรรมเศรษฐกิจรวมถึงคำสั่งซื้อที่เริ่มฟื้นตัว (Re-Stocking) จะเป็นปัจจัยบวกต่อทิศทางการลงทุน และการฟื้นตัวของผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน อีกทั้งทิศทางของการปรับน้ำหนักการลงทุน (Re-Balancing) จากที่นักลงทุนให้น้ำหนักการลงทุนสินทรัพย์ปลอดภัยในระดับสูงมาเป็นระยะเวลานาน

แต่พอสถานการณ์ปี 2563 เศรษฐกิจกลับมาสู่การเติบโต ขณะที่ความเสี่ยงที่จะมาลดทอนการเติบโต อาทิ สงครามการค้า การแยกตัวจากสหภาพยุโรปของอังกฤษ (Brexit) รวมไปถึงโอกาสที่จะประสบภาวะเศรษฐกิจถดถอยในระยะอันใกล้ลดลง สถานการณ์ดังกล่าวจะส่งผลให้เกิดการปรับพอร์ตการลงทุน (Rebalance) และเกิดการจัดสรรสินทรัพย์ลงทุนใหม่ (Re-Allocation) เช่น ขยับจากสินทรัพย์พวกพันธบัตรรัฐบาลไปยังหุ้น หรือสินทรัพย์โภคภัณฑ์แทน  ซึ่งจะเกิดในช่วงต้นปีหน้า

อย่างไรก็ตามนักลงทุนเองต้องเพิ่มความระวัง เนื่องจากต้องไม่ลืมว่าเราอยู่ในช่วงปลายวัฏจักรขาขึ้นที่ดำเนินมากว่า 10 ปี การขึ้นครั้งนี้คือการฟื้นตัวจากแย่ แต่ไม่ใช่การกลับเป็นขาขึ้น และหลังจากนี้ความผันผวนของตลาดจะตามมาอีกมาก ส่วนสถานการณ์สงครามการค้า (Trade War) มองว่าไม่น่าเป็นห่วงในปีหน้า แต่อาจกลับมารุนแรงขึ้นหากทรัมป์สามารถกลับมาเป็นประธานาธิบดี สหรัฐฯ อีกครั้ง

หุ้นที่น่าสนใจ ?

หุ้นพลังงานเป็นกลุ่มที่น่าสนใจ โดย คุณกิจพณชอบโรงกลั่นและพลังงานต้นน้ำ ส่วนหุ้นปิโตรเคมี เป็นกลุ่มที่กำลังฟื้นตัวหลังจากราคาได้ลงมาหนักมาก ๆ แต่ถึงแม้กลุ่มปิโตเคมีอาจฟื้นตัวได้ดีในช่วงสั้น ๆ แต่พื้นฐานยังต้องติดตาม เนื่องจากยังมีความเสี่ยงของการปรับลดประมาณการกำไรได้ สำหรับการท่องเที่ยว หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยวมีโอกาสได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของนักท่องเที่ยว และผลการดำเนินงานที่น่าจะได้ปัจจัยฤดูกาลหนุนในช่วง 2 ไตรมาสหน้า นอกนั้นหุ้นที่จะฟื้น จะเป็นกลุ่มที่มีปัจจัยพื้นฐานที่ดีพอสมควร ซื้อขายด้วยมูลค่า (Valuation) ที่ไม่แพงเกินไป และมีปันผลหรือกระแสเงินสดที่ชัดเจน

มุมมองตลาดไทยปีหน้า ?

คาดการณ์ว่าปีหน้าหุ้นไทยจะเคลื่อนไหวในกรอบประมาณ  1550-1750 จุด บวกหรือลบเป็นตัวเลขประมาณการเพื่อใช้ในการปรับน้ำหนักพอร์ตการลงทุน โดยบริเวณต่ำกว่า 1600 จุด คุณกิจพณมองว่ายังอยู่ในโซนต่ำ และสามารถเพิ่มน้ำหนักการลงทุนให้มากขึ้นได้ แต่ถ้าหาก  SET Index ปรับขึ้นใกล้เคียง หรือมากกว่า 1750 จุด แนะนำให้ใช้จังหวะดังกล่าว ทยอยขายหุ้นออกเพื่อลดน้ำหนักการลงทุนลง โดยภาพรวมตลาดหุ้นไทยมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หรือค่อนข้างปลอดภัยเฉพาะช่วงครึ่งปีแรกของ 2563 และมองภาพการลงทุนมีความผันผวนทางลงมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

เลือกหุ้นดีจากกระแสเงินสด โดย คุณ เอิญ

งบกระแสเงินสด ( Cash Flow Statement ) เป็นงบที่รวมกระแสเงินจากสามส่วนคือ กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (CFO) กิจกรรมการลงทุน (CFI) และกิจกรรมการจัดหา (CFF)  วิธีการดูงบสไตล์คุณเอิน Mr. LikeStock จะมีวิธีการวิเคราะห์คือ

กระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน (CFO)

  1. งบกระแสเงินสดจากกิจกรรมดำเนินงาน ต้องปรับกำไรทางบัญชีให้เป็นกำไรเงินสด
  2. หากำไร/ขาดทุนพิเศษโดยหาคำว่า “ค่าเสื่อมราคา” โดยดูในงบกระแสเงินสดกิจกรรมดำเนินงาน หากมี กำไรพิเศษให้เรา “หักออก” แต่ถ้าหากเจอ ขาดทุนพิเศษให้เรา “บวกกลับ” เข้าไป

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการลงทุน (CFI)

กระแสเงินสดจากกิจกรรมลงทุนมักจะมีค่าเป็นลบเสมอ ซึ่งต้องดูว่าบริษัทนำเงินไปลงทุนในรูปแบบไหน ถ้าลงทุนในสินทรัพย์หมุนเวียน เช่น เงินลงทุนระยะสั้นแบบนี้จะไม่ทำให้ “บริษัทโต” จึงควรเลือกกิจการที่ลงทุนในสินทรัพย์ไม่หมุนเวียน เช่น ที่ดิน อาคาร อุปกรณ์ เครื่องจักร แบบนี้คือการ “ขยายการผลิต” ซึ่งมีผลกับการเติบโตของบริษัท

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการจัดหา (CFF) 

กระแสเงินสดจากกิจกรรมการจัดหาควรสังเกตว่า ถ้ามีค่าเป็นบวกที่เกิดจากการกู้ยืมเงินทั้งระยะสั้นและยาว ต้องพิจารณาว่าบริษัทจะนำไปทำอะไร

เปิดโลกการลงทุนในปี 2020 โดย คุณ คงเดช

SET จะรอดไหม ?

คุณจุ้ยนักลงทุนแนวไฮบริดและ Head of Ava Investment School ได้เสนอไอเดียในการวิเคราะห์มูลค่าของ SET โดยการใช้ P/BV ซึ่งต่างจากทั่วไปที่ใช้ P/E เหตุผลเนื่องมาจากหุ้นที่มีมูลค่าตลาดสูงส่วนใหญ่ใน SET จะเป็นกลุ่ม Commodities

การใช้ P/BV ในการเปรียบเทียบมูลค่าน่าจะสมเหตุสมผลมากกว่า ซึ่งในงานได้มีการเปิดกราฟของ SET เทียบกับกราฟ P/BV ก็จะเห็นภาพว่าขณะนี้ทั้งตัว SET เองและค่า P/BV ของ SET ได้ลงมาอยู่บริเวณแนวรับ คุณจุ้ยจึงนำเสนอวิธีตั้งสูตรสแกน”Confirm Set Crash Scan”ในแอปพลิเคชัน AVA Advisor เพื่อใช้จับสัญญาณ และแจ้งเตือนในกรณีที่ SET เกิดสัญญาณลบ และนักลงทุนอาจจะต้องพิจารณาถอยออกมาตั้งหลักกัน

นอกจากสูตรตั้งรับแล้ว คุณจุ้ยยังนำเสนอสูตรสแกนเชิงรุกโดยใช้แอปพลิเคชัน AVA Advisor อีกเช่นกัน โดยวิธีสแกนนี้ ได้แนวคิดมาจากการสังเกตุตลาดว่าจะมีเม็ดเงินลงทุนจากกองทุนต่าง ๆ ซึ่งหลาย ๆ กองก็อาศัยแนวทางจากดัชนี MSCI ตรงนี้มีการอธิบายเพิ่มว่าดัชนี MSCI ถูกใช้เป็นเกณฑ์มาตรฐานของกองทุนระดับโลกหลาย ๆ กอง ซึ่งหุ้นที่ถูกรับเข้าคำนวณในดัชนี ก็มีแนวโน้มจะได้รับความสนใจ หรือว่าง่าย ๆ ก็คือมีโอกาสที่เม็ดเงินก้อนใหญ่จะเข้ามาลงทุน คุณจุ้ยจึงคิดเงื่อนไขสแกนและวิธีใช้งานของสแกนชุด “Forecast New MSCI Global” ขึ้นมา เพื่อคาดการณ์หุ้นที่มีแนวโน้มจะได้เข้าคำนวณดัชนี MSCI ของไทย แง้มให้นิดนึงว่าสแกนชุดนี้สามารถเอามาใช้เก็งกำไรคู่กับปัจจัยทางเทคนิคได้อีกด้วย

สำหรับงานที่จบลงไปนี้  ขอขอบคุณแขกผู้มีเกียรติทุกท่าน ที่มาร่วมงานการกุศลส่งท้ายปี 2562 นี้ สำหรับท่านที่พลาดงานนี้ไม่เป็นไร เพราะครั้งถัดไป AVA จะมีสัมนาดี ๆ แบบนี้มาอีกอย่างแน่นอน

AVA Advisor

Author AVA Advisor

More posts by AVA Advisor