Posted : 20 Aug 2020

หลังจากมีการประกาศงบในไตรมาสที่สามออกมา ซึ่งภาพใหญ่ที่ออกมานั้นถือว่าไม่ดี ทำให้มีหลายฝ่ายคาดการณ์ว่า SET น่าจะถึงเวลาพักตัวละ ซึ่งหลังจากพักตัวแล้วจะเป็นอย่างไร บ้างก็ว่าจะไปต่อ บ้างก็ว่าจะอยู่แถวๆ นี้ล่ะบ้างก็ว่ามันจะถล่มเละเทะ ลองมาดูกันว่าจะเตรียมรับมือกันอย่างไร

ความรู้ขั้นพื้นฐานสำหรับนักลงทุนแบบทั่วๆ ไป ก็มักจะดูพีอี (PE : Price per Earning) กัน ซึ่งในช่วงนี้ก็จะมีกูรูที่แชร์กันตามห้องแชทต่างๆ เห็นว่าหลังจากงบที่ออกมา ทำให้พีอีของ SET เพิ่มขึ้น กล่าวคือ SET กลายเป็นตลาดที่มีมูลค่าแพงขึ้น แพงเกินไปหรือเปล่า กูรู้บางท่านก็ปรับมูลค่าเทียบบัญญัติไตรยางศ์ให้เสร็จสรรพว่ามันควรจะลงไปเริ่มใหม่แถวๆ 800 – 900 จุดเลยทีเดียว

ผมคงไม่พูดว่าความเห็นของใครผิดหรือถูก เพราะคนที่ออกมาพูดเขาก็ประเมินมูลค่าของ SET ได้ไม่ถูกหรอก ตัวผมผู้เขียนบทความนี้ก็ยอมรับว่าตัวเองก็คาดการณ์ไม่ได้เช่นกัน แต่ก็เห็นแนวโน้มละว่าผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนโดยรวมกำลังถึงจุดอิ่มตัว การเติบโตหลังจากนี้น่าจะไม่ง่ายเลย

การมองความถูกแพงของสินค้าด้วยวิธีการต่าง ๆ นั้นแล้วมาบอกว่าถูกหรือแพงมันเป็นเรื่องพูดได้ยาก บ้างก็มีกฏเกณฑ์ตายตัวว่าเกินเท่านั้นเท่านี้เรียกว่าแพง บ้างก็ว่าสำหรับหุ้นบางประเภทแพงแล้วแต่ก็ยังมีที่แพงกว่า หรือที่ว่าตรงนี้มันถูกแล้วก็ยังจะมีที่ถูกกว่าอีกก็แล้วแต่จะว่ากันไป

สำหรับวันนี้ผมอยากแชร์มุมมองในการมองทิศทางของ SET โดยใช้ค่าๆ หนึ่งนั่นก็คือ PBV (Price per Book Value) ขออนุญาตใช้คำว่าทิศทางนะครับ สำหรับผมความถูกแพงขอให้ไปประเมินกันด้วยตัวเองละกัน ความเห็นส่วนตัวนะครับพีอีอาจจะประเมินความถูกแพงของตลาดรวม ๆ เช่น SET ได้ยาก พีอีเหมาะกับสินค้าที่มีอัตราการเติบโตของกำไรคงที่ ถ้ากำไรที่วูบวาบ กะได้ยาก ถ้าใช้พีอีอาจจะเป็นพีอีของเราเอง ไม่ใช่พีอีของตลาด อีกอย่างพีอีจะเป็นตัวเลขที่ประเมินได้ยากยิ่งขึ้น เมื่อมีอารมณ์การเก็งกำไรของตลาดเข้ามาอีกด้วย แล้ว PBV ล่ะมันบอกอะไรได้บ้าง

PBV เป็นการประเมินมูลค่าของตลาดเทียบกับส่วนของผู้ถือหุ้น ขอออกตัวก่อนว่า PBV ก็อาจจะไม่ใช่วิธีที่ดีที่สุด แต่กับ SET ที่ขนาดของตลาดขึ้นกับหุ้นกลุ่มพลังงานซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ชนิดหนึ่ง ผมคิดว่ามันสะท้อนได้ดีทีเดียว ถ้าดูจากสถิติย้อนหลังจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงของกำไรในแต่ละปีของหุ้นกลุ่มนี้เช่น PTT นั้นมีผลโดยตรงกับ PBV ของ SET เลย แถมยังมีแนวรับของ PBV ที่ค่อนข้างชัดเจน

ลองดูรายละเอียดเพิ่มเติมจากรูปที่แนบมานะครับ

  • กำไรของ PTT เพิ่ม → PBV ของ SET เพิ่มเพราะถูกไล่ราคา → SET เพิ่ม
  • กำไรของ PTT ลด → PBV ของ SET ลดเพราะถูกเทขาย → SET ลด

PBV ของ SET แถว ๆ 1.7 ถ้าหลุดตรงนี้มักจะเกิดวิกฤต มีปี 2014 ที่ PTT กำไรลดลงแต่ SET กลับตัวขึ้น ถึงตรงนี้ลองเดากันดูสิครับว่าเพราะอะไร ทายกันดูครับ

จากข้อมูลเบื้องต้น อาจจะพอบอกได้ว่า ทิศทางของ SET ขึ้นกับการเติบโตของกำไรของธุรกิจกลุ่มพลังงานและหุ้นบิ๊กแคปบางตัว โดยมีแนวรับ PBV = 1.7 เป็นสำคัญ จากสถิติเก่า ๆ ถ้าหลุดตรงนี้ SET ก็คงได้พักฐานแน่ ๆ แต่ละลงไปลึกขนาดไหน พีอีต้องลงไปเป็นเท่าไหร่ คงได้แต่เดากันแต่ตอบไม่ได้

หวังว่าจะได้ข้อมูลที่ชัดเจนและใช้เป็นการเฝ้าระวังกับสิ่งที่อาจจะเกิดขึ้นหลังจากนี้ อย่าลืมนะครับความรู้และข้อมูลที่มากพอคือเกาะป้องกันภัยที่ดีที่สุด

ฝากประชาสัมพันธ์นะครับ ในวันที่ 14 ธันวาคม 2562 นี้ จะมีงานสัมมนา “AVA Charity Seminar 2019” ซึ่งในงานจะมีผมและกูรูที่มีชื่อเสียงหลายท่านจากหลายวงการ ไม่ว่าจะเป็นนักปัญญาประดิษฐ์ นักวิเคราะห์ นักแกะงบการเงินมาร่วมพูดคุยกันเกี่ยวกับภาพของตลาด แนวการลงทุน การเลือกหุ้นในช่วงตลาดฝุ่นตลบของปี 2563 งานนี้มีปีละครั้ง พวกเราจะเป็นหางเสือให้เรือแห่งความมั่งคั่งของทุกท่าน มาเจอกันนะครับแล้วการลงทุนในปีหน้าของท่านจะมีทิศทางที่ชัดเจนขึ้นครับ

Kongdej Cheawchan

Author Kongdej Cheawchan

Head of AVA Investment School

More posts by Kongdej Cheawchan