Posted : 20 Aug 2020

เห็นหลายคนบอกว่าหุ้นไทยตกหนักจาก 1,800 มา 1,000 จุดนี่เป็นโอกาสการลงทุนในรอบทศวรรษ เอาจริง ๆ ผมค่อนข้างเห็นต่างพอสมควร ด้วยหลาย ๆ เหตุผลครับ

  1. ถ้าเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ Recession จริงๆ หลังจบ COVID-19 ก็ใช่ว่าผลประกอบการของบริษัทต่าง ๆ จะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด กว่าจะผ่านพ้นช่วง Recession ไปได้น่าจะใช้เวลาหลายปี
  2. เซกเตอร์ที่ Market Cap ใหญ่ที่สุดใน SET คือกลุ่มพลังงาน (.ENERG) ที่ยังต้องตั้งคำถามกับแนวโน้มราคาน้ำมันหลังจากนี้ ว่าจะไปในทิศทางไหน
  3. เซกเตอร์อันดับ 2 อย่างกลุ่มค้าปลีก (.COMM) ยังมีคำถามว่า ในช่วง Recession รุนแรง คนตกงาน ธุรกิจ SME ล้มเป็นลูกโซ่ หนี้ครัวเรือนสูงก้าวกระโดด คนไทยจะยังมีกำลังซื้อมากน้อยแค่ไหน
  4. เซกเตอร์อันดับ 4 อย่างกลุ่มธนาคาร (.BANK) ซึ่งเจอกับปัญหาโดยตรง ทั้งอัตรา NPL ที่เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำลง แถมท้ายด้วยการ Disruption จากเทคโนโลยีสมัยใหม่ ที่กระทบโดยตรงกับรายได้ของธนาคาร (คิดง่าย ๆ ธนาคารเคยเป็นเซกเตอร์อันดับ 2 ตอนนี้ร่วงมาอันดับ 4 เพราะจุดแข็งของธุรกิจหายไปทุกวัน ๆ)
  5. เซกเตอร์อันดับ 5 อย่างขนส่ง (.TRANS) นำโดย AOT เราก็ยังไม่รู้ว่า กลุ่มท่องเที่ยวเอย สายการบินเอย จะเหลือรอดแค่ไหนหลัง COVID-19 ถ้ารอดก็รอดแบบเฉียดเส้นตายหวุดหวิด (อาจจะมองในแง่ดีหน่อยว่า คนที่รอดจะได้เปรียบมากหลังวัคซีน COVID-19 ออก เพราะนักท่องเที่ยวทั่วโลกตอนนี้อัดอั้นอยากเดินทางกันสุดขีด ถ้าพวกเค้ายังเหลือเงินให้เที่ยวได้อะนะ)
  6. เซกเตอร์รอง ๆ ลงมาอย่างกลุ่มอสังหา (.PROP) ได้ยินจากคนในวงการว่าตอนนี้เหนื่อยมาก ด้วยเศรษฐกิจขาลง น่าจะทำให้กลุ่มอสังหาเหนื่อยต่อไปอีกยาว ๆ

ที่พูดไปนี่รวมๆ กันเกือบ 70% ของ SET ละครับ

เอาจริง ๆ แล้วในมุมของผม ปัญหาของ SET คือ ไม่มีบริษัทหน้าใหม่ที่เติบโตด้วยนวัตกรรม แทบจะทั้งหมดของยักษ์ใหญ่ใน SET เป็นกลุ่มธุรกิจแบบ Traditional ที่เติบโตจากกลไกเศรษฐกิจแบบดั้งเดิม ที่ไม่เอื้อให้เติบโตก้าวกระโดดในโลกยุคใหม่ เมื่อเทียบกับสหรัฐอเมริกาที่มีธุรกิจอย่าง Google, Microsoft, Facebook, Netflix​ ฯลฯ หรือจีนที่มี Tencent, Alibaba เราจะเห็นความแตกต่างของบริษัทจดทะเบียนอย่างชัดเจน

ที่ร่ายมาทั้งหมดนี้ ไม่ใช่ว่าไม่อยากจะเห็น SET กลับสู่ภาวะกระทิงหรอกนะครับ แต่ในระยะยาว ตลาดหุ้นจะขึ้นจากปัจจัยพื้นฐาน ตราบใดที่ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไม่ก้าวกระโดด ความหวังที่เราจะเห็น SET วิ่งฉิวหลัง COVID-19 อย่างที่ใครหลาย ๆ คนฝันกัน คงเป็นเรื่องที่ยากสักหน่อย

คลิกเพื่อดูภาพรวม SET แยกตาม Market Cap แบบในภาพครับคลิกเพื่อดูภาพรวม SET แยกตาม Market Cap แบบในภาพครับ

PS. ขยายความเพื่อให้เจาะจงมากขึ้น คือถ้า SET จะกลับมาที่แถว 1,800 ในช่วง 2-3 ปีนี้ผมคิดว่าอาจจะพอมีทางเป็นไปได้​​ (ซึ่งมันก็ +80% แล้วอะนะ) แต่จะหวังให้ตลาดทำ new high ยิ่งยาวๆ ไป 2,000-3,000 อันนี้คือสิ่งที่ผมคิดว่ามันไม่น่าจะเกิดโดยง่ายครับ

PS. ไม่ได้ระบุเซกเตอร์อันดับ 3 อย่างกลุ่มสื่อสาร (.ICT) เพราะนี่เป็นเซกเตอร์เดียวที่ผมรู้สึกว่ามันน่าจะมี Sentiment ในแง่บวก หลัง COVID-19 ที่ New Normal ของคนไทย จะมาใช้เครื่องมือออนไลน์ในการใช้ชีวิตมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ​Work From Home หรือเทคโนโลยีอื่น ๆ

PS. โอกาสนึงที่ SET อาจจะเป็นกระทิงได้จริง คือถ้ามี fund flow เข้า เช่น จากสถาบัน กองทุนประกันสังคม กบข. ซึ่งกองทุนเหล่านี้จำเป็นต้องหาที่วางเงินใหม่ เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำติดดิน จะเป็นตัวบังคับให้เหล่ากองทุนต้องจัด Asset Allocation ใหม่ เพื่อเข้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แต่ถึงอย่างนั้น ตลาดจะโตแบบพื้นฐานไม่แข็งแรง เพราะถ้าผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนไม่เพิ่ม สุดท้าย PE ของ SET จะสูงจนเรียกได้ว่าแพงเกินมูลค่าครับ

Niran Pravithana

Author Niran Pravithana

CEO of Market Anyware

More posts by Niran Pravithana